บ่าวสาวบางคู่คิดว่า การเขียนข้อความเชิญงาน แต่งงาน เป็นเรื่องตรงไปตรงมา ซึ่งมันอาจจะดูเรียบง่ายในตอนแรก แต่เมื่อคุณเริ่มต้น คุณอาจพบว่าว่าการจัดทำถ้อยคำเชิญงานแต่งงานที่สมบูรณ์แบบนั้นไม่ใช่เรื่องง่านเลย-มีกฎและมารยาทใน การเขียนข้อความเชิญงาน ข้อควรระวังต่างๆ บ่าวสาวจึงควรควรทำความเข้าใจก่อน
สิ่งสำคัญที่ควรระบุในการ์ดแต่งงาน
1. ประธาน & เจ้าภาพ
บรรทัดแรกของ การเขียนข้อความเชิญงาน คือที่ที่คุณระบุว่าใครเป็นเจ้าภาพจัดงานแต่งงาน ปกติทั่วไปแล้ว จะใส่ชื่อของเจ้าภาพฝ่ายเจ้าสาวอยู่ฝั่งซ้าย เพื่อเป็นการให้เกียรติญาติฝ่าย สำหรับงานแต่งงานที่มีความเป็นทางการ ให้ใส่ชื่อประธานในพิธีลงไปด้วยค่ะ
ต่อไปนี้คือกฎสองสามข้อที่จะช่วยคุณค้นหาถ้อยคำที่ดีที่สุดสำหรับการเขียนในส่วนนี้
- ชื่อประธานในพิธีต้องอยู่บรรทัดบนสุด
- หากเป็นบุคคลที่มีตำแหน่งควรใส่คำนำหน้าให้ถูกต้อง โดยอาจจะใส่เป็นตัวอักษรย่อได้
- ลำดับชื่อไม่ควรเรียงตามว่าใครจ่ายมากกว่า
2. คำเรียนเชิญ
บรรทัดนี้เป็นคำเชิญผู้คนเข้าร่วมงานแต่งงานของคุณ ดังนั้นใช้ส่วนนี้เพื่อกำหนดเสียงสำหรับการเฉลิมฉลองของคุณ ปกติจะมีรูปแบบดังนี้ “มีความยินดีขอเรียนเชิญ เพื่อเป็นเกียรติ……..ระหว่าง”
ซึ่งคู่บ่าวสาวสามารถปรับแต่งคำที่ใส่ลงให้เหมาะสมกับงานของตัวเองค่ะเราได้ยกตัวอย่าง เพื่อเป็นแนวทางในการเขียนการ์ดแต่งงาน ตามด้านล่าง
- งานหมั้น “มีความยินดีขอเรียนเชิญท่าน เพื่อเป็นเกียรติในพิธีหมั้น ระหว่าง”
- งานเลี้ยงฉลอง “มีความยินดีขอเรียนเชิญท่าน เพื่อเป็นเกียรติในงานเลี้ยงฉลอง เนื่องในพิธีมงคลสมรส ระหว่าง”
- พิธีแบบคริสต์ “มีความยินดีขอเรียนเชิญท่าน เพื่อเป็นเกียรติ และเป็นสักขีพยาน ในพิธีสมรสศักดิ์สิทธิ์ ระหว่าง”
- พิธีแบบอิสลาม “มีความยินดีขอเรียนเชิญท่าน เพื่อเป็นเกียรติ และร่วมรับประทานอาหาร เนื่องในงานวาลีมะห์ ระหว่าง”
3. ชื่อคู่แต่งงาน
ปัจจุบัน การเขียนข้อความเชิญงาน แต่งงาน มีความหลากหลายมากขึ้น นอกจากชื่อและนามสกุลจริงของเจ้าของงานแล้ว บางคนยังใส่ชื่อเล่นลงไปด้วย ซึ่งก็ไม่ผิดอะไรหากว่าเป็นงานที่ไม่ค่อยเป็น ทางการเท่าไรนัก แต่สำหรับ การเขียนข้อความเชิญงาน แต่งงานที่มีความเป็นทางการแนะนำว่าใส่แค่ชื่อจริงจะ ดูเหมาะสมมากกว่า โดยเรามีคำแนะนำเพิ่มเติมดังนี้
- สำหรับคู่รักต่างเพศ ชื่อของเจ้าสาวมักจะอยู่ก่อน ตามด้วยชื่อของเจ้าบ่าว
- สำหรับคู่รักเพศเดียวกัน คุณสามารถระบุชื่อตามลำดับตัวอักษรตามนามสกุล หรือตามลำดับที่คุณเลือก (หรืออาจเรียงตามลำดับที่ดูดีที่สุดเมื่อใช้ร่วมกับการออกแบบบัตรเชิญ)
4. รายละเอียดกำหนดการ
ส่วนของรายละเอียดได้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน คือ
- วันเวลาในการจัดงานแต่งงานเมื่อได้ฤกษ์แต่งงานที่เหมาะสมมาแล้ว ควรจะใส่วัน เดือน ปี รวมถึงเวลาที่ชัดเจน ลงในการ์ดแต่งงานอย่างถูกต้อง แนะนำไม่ควรใส่วันเวลาเป็นตัวย่อ เพราะดูไม่เป็น
ทางการเท่าไรควรใส่เป็น “วันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2562 เวลา 18:30น.”
จะดูเหมาะสมมากกว่า - พิธีการของงานแต่งงาน
แน่นอนว่าควรใส่ลำดับพิธีการและรูปแบบรับประทานอาหารลงไปด้วย เพื่อให้แขก
ทราบว่าควรเตรียมตัวอย่างไร ซึ่งในส่วนของลำดับพิธีการนั้นจะมีการเขียนหลายแบบ
ขึ้นอยู่กับว่างานแต่งงานของคุณมีความเป็นทางการมากน้อยขนาดไหนค่ะ - สถานที่จัดงาน
อย่าลืม! ใส่สถานที่ให้ชัดเจน มีสาขาไหม อยู่ที่จังหวัดอะไร เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะ
รู้จักสถานที่นั้น และจะดีมากหากมีการแนบแผนที่ไปให้ในซองด้วย เพื่อเป็นการ
อำนวยความสะดวกให้แขกที่เดินทางไปงานแต่งงานค่ะ
5. ข้อควรพิจารณาอื่น ๆ
เดรสโค้ด ( ธีมงาน )
เพื่อให้โทนสีของงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน การใส่ Dress Code หรือธีมงาน ลงไปในการ์ดแต่งงานจะช่วยคุมโทนได้มากเลยล่ะ ผู้ที่มาร่วมงานจะได้รู้ว่าควรใส่เสื้อผ้าสีอะไรหรือมีลักษณะแบบไหนมาร่วมงานดีถึงจะเหมาะสม แต่สำหรับบ่าวสาวที่ไม่เคร่งครัดเรื่องสีสันก็สามารถใส่ลงไปว่า “ตามสะดวก” ก็ได้นะ
คำว่า “ขออภัยหากมิได้เรียนเชิญด้วยตัวเอง”
ประโยคอันแสนสำคัญที่บ่าวสาวควรใส่ลงไปในการ์ดแต่งงานเลยก็คือ “ขออภัย หากมิได้เรียนเชิญด้วยตัวเอง” ในกรณีที่เจ้าของงานไม่สามารถไปเชิญแขกได้ จะเป็นเพราะติดธุระหรืออะไรก็ตามแต่ การใส่คำนี้ลงไปในการ์ดถือว่าเป็นการ ให้เกียรติแขกที่คุณไม่ได้ไปแจกการ์ดให้ด้วยตัวเองค่ะ