สวัสดีค่ะ ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่กำลังวางแผน จัดงานแต่ง งานทุกท่าน วันนี้มานิตา มีบทสัมภาษณ์สุดพิเศษกับไอเดียจัดงานแต่งงานสุดปังจากคู่บ่าวสาวป้ายแดงคุณอั้มและคุณมะปรางที่ให้เกียรติมานั่งสัมภาษณ์กับมานิตาถึงไอเดียการจัดงานแต่งงานที่จัดถึง 2 วันเต็ม และการรับมือกับแขกผู้ร่วมงานกว่า 1,000 +++ คน เรียกได้ว่าเป็นงานแต่งงานที่น่าสนใจมาก ๆ เลยใช่ไหมคะ เรามาดูกันค่ะว่าทั้งคู่จะเลือกจัดงานแต่งงานออกมาแบบไหน และวางแผน จัดงานแต่ง อย่างไร เรามาอ่านบทสัมภาษณ์ของคู่บ่าวสาวป้ายแดงคู่นี้ไปพร้อมกันเลยค่ะ
คุณอั้ม (เจ้าบ่าว) : ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ก็หกปีแล้วครับที่มะปรางเป็นกำลังใจให้และอยู่เคียงข้าง ผมมั่นใจว่ามะปรางจะเป็นภรรยาที่ดีมาก ๆ ไปจนแก่เฒ่าแน่นอน
คุณมะปราง (เจ้าสาว) : พี่อั้มเป็นผู้ชายที่อบอุ่นรักครอบครัว ปรางสัญญาว่าจะดูแลพี่อั้ม คุณพ่อ คุณแม่ และทุกคนในครอบครัวของเราให้อบอุ่น รักพี่อั้มนะคะ
เริ่มต้นบทสัมภาษณ์คู่บ่าวสาวป้ายแดง ด้วยคำมั่นสัญญาที่ทั้งคู่มอบให้กันในวันแต่งงาน เรียกว่าหวานชื่นและน่าประทับใจมากๆ เลยค่ะ เพราะความรักและความเข้าใจของทั้งคู่จึงทำให้ทั้งสองเนรมิตงานแต่งงานออกมาได้สมบูรณ์แบบทั้งวันที่ 26 สิงหาคม และ 2 กันยายน 2565 ถ้าทุกท่านพร้อมแล้วเรามาฟังไอเดียดีจากทั้งคู่กันค่ะ
ช่วงเตรียมงานแต่ง
ทำไมถึงมีไอเดียจัดงานแยกกันสองวัน?
คุณมะปราง : คือเราทั้งคู่อยากจัดงานวันเสาร์ค่ะ เพราะกลัวว่าแขกจะเหนื่อย ถ้าญาติผู้ใหญ่มางานเช้าเขาอาจจะอยากอยู่งานเย็นด้วย เหมือนเราก็อยากต้อนรับพวกเขาให้เต็มที่
คุณอั้ม : เหมือนเป็นการพักเราด้วย พักพ่อแม่ด้วย จะได้เต็มที่ทั้งสองงาน
คุณอั้มกล่าวเสริมอีกว่า เพราะคนที่เหนื่อยกว่าบ่าวสาว ก็คือ พ่อแม่ของทั้งคู่ “ตื่นเต้นกว่าบ่าวสาว ก็พ่อแม่เนี้ยแหละครับ” คุณอั้มกล่าวอย่างอารมณ์ดี
ไอเดียของการถ่าย Presentation และ Pre-wedding
มะปราง : ถ่ายพรีเวดดิ้งสองรอบค่ะ คือถ่ายสตูที่นึง และถ่ายที่บ้านอีกรอบ เพราะต้องการให้น้องหมาของเรา (นักเก็ต&ไก่ป๊อบ) ได้อยู่ในเฟรมด้วยค่ะ (ยิ้ม) ในส่วนถ่าย Presentation เน้นเล่าเรื่องราวกับบทสัมภาษณ์เล็กน้อยค่ะ เพราะเขินที่จะพูดบนเวที เลยถ่ายเอาค่ะ (ขำ)
คุณอั้ม : จริง ๆ Presentation จะมีหรือไม่มีในงานก็ได้ แต่ไหน ๆ แล้ว ขอลองทำสักครั้งนึง ซึ่ง เอ้ย!…พอทำแล้วมันออกมาดีมากเลย นอกจากใช้เปิดในงานแล้ว ยังเก็บเป็นความทรงจำได้ด้วยครับ แบบดูกี่ทีก็ยังซึ้งอยู่เลยครับ
ไอเดียการทำการ์ดแต่งงาน
มะปราง : พี่ที่รู้จักและทำ Wedding planner แนะนำร้านมานิตามาค่ะ ซึ่งพี่อั้มให้สิทธิ์มะปรางเลือกได้เต็มที่เลยค่ะ พี่อั้มอยากได้แค่ฟีลอบอุ่น ส่วนปรางชอบดอกไม้ ฟีลแบบหวาน ๆ ซึ่งเราจัด 2 งาน จึงทำการ์ดแต่งงาน 2 แบบ โดยงานเช้าปรางอยากได้เรียบ ๆ หวาน ๆ ซึ่งหยิบใบแรกแล้วชอบเลย คือ การ์ดลายดอกไม้หวาน ๆ บวกลูกเล่นปั๊มฟอยส์ค่ะ
คุณอั้ม : งานการ์ดงานเย็น มะปรางจะชอบมากครับ เพราะปั๊มฟอยล์เป็นวิ้ง ๆ วับ ๆ
มะปราง : เราให้ความสำคัญในการทำการ์ดทุกขั้นตอนค่ะ (ยิ้ม) โดยเลือกจากความชอบเป็นหลักค่ะ ซึ่งจริงๆ ปรางอยากจะบอกเรื่องการใส่ธีมในการ์ด ให้ใส่ลงในการ์ดสักนิดนึง และตอนไปเชิญ ก็แจ้งว่าใส่สีอะไรก็ได้ค่ะ จะทำให้แขกรู้สึกสบายใจกว่า
งานแต่งวันที่หนึ่ง
วันแรกจัดงานแต่งงานเป็นรูปแบบไหน?
คุณมะปราง : วันแรกเหมือนเป็นงานครอบครัวค่ะ เป็นพิธีไทย จะเป็นงานสำหรับผู้ใหญ่เป็นหลัก จึงตั้งใจรับรองแขกให้ดีที่สุด ซึ่งมะปรางขอซื้อเพิ่มสำหรับชุดรับรองอาหารเช้าเป็น 150 ชุด ซึ่งไม่ก็ยังพอ (ขำ)
คุณอั้ม : ใช่ครับ “ไม่พอ และแขกมางานพิธีเช้าแบบเยอะมาก ๆ”
“เรามั่นใจว่า แขกทุกคนอยากมางานเรา ทั้งญาติเราเยอะ เลยเลือกจัดเลี้ยงหลังพิธีเช้าเป็นโต๊ะจีนดีกว่า” คุณมะปรางเล่าถึงไอเดียรูปแบบการจัดงานเช้าวันที่ 26 สิงหาคม 2565 เพราะต้องการอำนวยความสะดวกให้แขกผู้ใหญ่แบบเต็มที่ จึงเลือกจัดเลี้ยงโต๊ะจีนต่อเนื่องหลังจบพิธีเช้าในวันเดียวกันเลย
สำหรับงานวันแรก “มะปรางประทับใจทุกช่วงค่ะ ตั้งแต่ 6 โมงเช้าจนถึงบ่ายสองเลย ไม่ได้ขิงนะ! แต่ว่ามันเพอร์เฟกต์ (ขำ) เราคิดว่าเราทำทุกอย่างได้ดีที่สุดค่ะ” คุณมะปราง เล่าถึงบรรยากาศงานในวันแรกอย่างภูมิใจ
งานแต่งวันที่สอง
ไอเดียการจัดงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรส
คุณอั้ม : งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสจัดในช่วงเย็นครับ ส่วนใหญ่เป็นแขกเพื่อน ๆ มากกว่า
คุณมะปราง : เรียกว่า “งานแต่งเปย์แขกค่ะ”
ที่เรียกว่างานแต่งเปย์แขก เพราะคุณอั้มและคุณมะปรางดีไซน์งานแต่งงานให้สนุกสนาน ด้วยโฟโต้บูธหน้างานและพิเศษด้วยตู้คีบตุ๊กตาที่ไอเดียสร้างสรรค์มาก ๆ เลยค่ะ
เรามีธีมอะไรเป็นพิเศษไหมคะ
คุณมะปราง : จริง ๆ ปรางดูจาก Pinterest ค่ะ เพราะชอบสีแดงเบอร์กันดี เลยดีไซน์ให้ชุดเพื่อนเจ้าสาวเป็นสีแดง ด้วยการเลือกผ้าตัดชุดให้เพื่อน ๆ เองค่ะ แต่ในการ์ดเราจะบอกว่าขอเป็นสีชมพู สีนู้ด สีครีม สีโรสโกล์ด ปรางอยากให้แขกทุกคนใส่ชุดง่ายๆ สีที่สะดวก แบบไหนก็ได้ค่ะ แต่เพื่อนเจ้าสาวหรือเพื่อนสนิทก็จะเน้นสีแดงค่ะ
การจัดเลี้ยงแบบไหนคะ
“ความตั้งใจของเราสองคน คืออยากให้แขกที่มาเนี้ยสนุกแล้วก็อิ่ม” คุณมะปรางเริ่มต้นเล่าถึงไอเดียการเลือกอาหารจัดเลี้ยง ดังนั้นทั้งคู่จึงเลือกจัดเลี้ยงด้วยรูปแบบค็อกเทลของโรงแรมและนำเข้าอาหารเพิ่มเติม
คุณมะปราง : เรานำเข้าซุ้มอาหารญี่ปุ่นพวกซูชิ ชาซิมิ โฮตาเตะ แซลมอน ทูน่า ซุ้มไส้กรอกของ TGM และมี After You ไม่อั้นด้วยค่ะ (ขำ)
คุณอั้ม : ของโรงแรมจะเพิ่มเนื้ออบ เป็นเนื้อริบอาย มีข้าวหมูแดง หมูกรอบ
คุณมะปราง : ส่วนเครื่องดื่มเตรียมไว้สองอย่าง คือ เบียร์กับไวน์ค่ะ
เรียกว่าเป็นงานแต่งงานที่ดูแฮปปี้แบบสุด ๆ “เราบรีฟเพื่อนว่า อย่าใส่ชุดมาแน่นนะ เพราะของกินเยอะมากใส่รองเท้าที่สบาย ๆด้วยเพราะว่ามีอาฟเตอร์ปาร์ตี้พร้อม” คุณมะปรางเล่าอย่างอารมณ์ดี ถึงภาพบรรยากาศความสนุกในงานแต่งงาน
ไอเดียการจัด After Party
คุณมะปราง : ในช่วง After Party เราตั้งใจเชิญศิลปินมาเซอร์ไพรส์ คือ พี่ตู่ ภพธร ค่ะ เราทั้งคู่ชอบพี่เค้า เพราะ “เค้าแบบละมุน” (ขำ)
คุณอั้ม : ใช่ๆ พี่ตู่น่ารัก
คุณมะปราง : วันงานพี่ตู่ Enjoy มากค่ะ เหมือนเค้าอยู่บนเวทีแป๊บเดียว ที่เหลือคือร้องและเต้นอยู่กับแขกด้านล่างและเอ็นจอยกับแขก น่ารักมากๆค่ะ (อมยิ้ม)
ไอเดียการเลือกของชำร่วย
คุณมะปราง : จริง ๆ ตั้งใจว่าจะไปซื้อและทำเองค่ะ แต่พอมาที่ร้านมานิตาและเจอที่ตั้งมือถืออะคริลิคแล้วชอบเลยค่ะ ยิ่งมีโปรโมชั่นด้วยยิ่งถูกใจค่ะ (ขำ)
คุณอั้ม : แขกชอบมากครับ คือมันสวยและมันก็สามารถใช้ได้จริง
หลังแต่งงาน
งานแต่งงานถูกเตรียมออกมาได้อย่างที่ตั้งใจไหม?
คุณอั้ม : เป็นตามที่ต้องการหมดเลยครับ
คุณมะปราง : อย่างงานเช้าเรารู้สึกอบอุ่นมากเพราะเป็นงานครอบครัวจริง ๆ ส่วนงานเย็นแฮปปี้มาก ๆ ค่ะ แม้จะผ่านวันงานมาหลายวันแล้ว ก็ยังคิดถึงโมเมนต์นั้นอยู่เลยค่ะ
“โชคดีที่คุณพ่อคุณแม่ให้อิสระในการจัดงานแต่งงาน” คุณพ่อคุณแม่ให้โจทย์มาแค่งานเช้าดูแลญาติ ๆ ให้ดีนะ และงานเลี้ยงฉลองขอให้สนุกแค่นั้นค่ะ ซึ่งเราทั้งสองคนจะคอยปรึกษาและรายงานคุณพ่อคุณแม่อยู่ตลอดค่ะ เพราะการแต่งงานไม่ใช่งานของคนสองคน แต่เป็นงานของสองครอบครัว เราจึงต้องทำออกมาให้ดีที่สุดค่ะ คุณปรางเล่าถึงเคล็ดลับในการจัดงานแต่งงานให้ราบรื่น
อยากแนะนำอะไรให้กับว่าที่คู่บ่าวสาวที่กำลังเตรียมงานไหมคะ?
คุณอั้ม : อยากให้จดจำทุกความรู้สึกในแต่ละขั้นตอนของการเตรียมงาน ไปจนถึงวันงาน เพราะมันคือวันสำคัญแค่ครั้งเดียวในชีวิต และมันมีความสุขมากครับ
คุณมะปราง : ถ้าใครที่กำลังเตรียมว่าต้องทำอะไรบ้าง ให้ทำเช็คลิสต์เลยค่ะ และค่อย ๆ เลือกไป สุดท้ายทุกอย่างที่เราเลือก ให้กลับมาเริ่มต้นจากเราสองคน ถ้าอะไรที่เราสองคนแฮปปี้ที่สุด ให้เลือกแบบนั้นเลยค่ะ เป็นวันของเรา แต่เราเตรียมสิ่งที่ดีที่สุดให้กับทุกคนค่ะ
เป็นอย่างไรบ้างคะกับบทสัมภาษณ์คุณอั้มและคุณมะปราง ที่เลือกจัดงานแต่งถึง 2 วัน แต่จัดออกมาได้อย่างสมบรูณ์แบบที่สุด หากเพื่อน ๆ คิดว่าข้อไหนตรงกับใจเรา จะเอาไปปรับแต่งให้เข้ากับงานของตัวเองได้เลยค่ะ มานิตาหวังว่าบทสัมภาษณ์นี้จะเป็นประโยชน์กับคู่บ่าวสาวที่กำลังวางแผนไม่มากก็น้อยนะคะ