สวัสดีค่ะ ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวทุกท่าน วันนี้มานิตาได้รับเกียรติพิเศษให้เจาะลึกเบื้องหลัง งานแต่งงานดารา ของพี่รัฐ Tattoo Colour และ คุณมะลิเม ในการจัดงานงานแต่งครั้งนี้ บอกเลยว่างานนี้บ่าวสาวของเรา เขาจัดเต็มมาก จัดงานถึง 3 ที่ ด้วยกัน เรามาดูกันค่ะว่าทั้งคู่จะเลือกจัด งานแต่งงานดารา ออกมาแบบไหน และวางแผน จัดงานแต่ง อย่างไร เรามาอ่านบทสัมภาษณ์ของคู่บ่าวสาวป้ายแดงคู่นี้ไปพร้อมกันเลยค่ะ
ได้ข่าวว่าทั้งคู่นั้นได้จัดงานถึง 3 ที่ด้วยกัน มีที่ไหนกันบ้างคะ แล้วแต่ละงานแตกต่างกันยังไงบ้าง
คุณมะลิเมได้เล่าว่า “จัดที่แรกก็จะเป็นที่จังหวัดเลยค่ะ จัดเป็นพิธีไทยแบบเล็กๆ จัดภายในครอบครัวจะเป็นการมอบสินสอดตามประเพณี จัดแบบง่ายๆ เลยจัดที่บ้านค่ะ ” คุณรัฐได้เสริมต่อว่า “แต่ก็มีการจัดที่ขอนแก่นเพิ่มอีกที่ครับ แต่ที่ขอนแก่นเราพัฒนามาจากที่เลย อยากจัดไม่เกิน 20 คน ครับ” ในส่วนพิธีการของทางภาคอีสานนั้น คุณรัฐได้กล่าวอีกว่า “พิธีก็จะไม่เยอะมาก เราเน้นความสบายใจมากกว่าครับ จุดประสงค์จริงๆก็เพื่อจะขอขันหมากผู้ใหญ่อย่างเป็นทางการของครอบครัวทั้งสองฝ่าย พ่อแม่ของทั้งคู่ก็จะมีการให้พร รับพร มีของขวัญให้กัน แบบนี้คือการแต่งงานตามประเพณีแล้วนะครับ”
งานที่ขอนแก่นเป็นสไตล์ไหน?
คุณรัฐได้เล่าต่อว่า “80% คือการจัดปาร์ตี้เลยครับ สถานที่จัดงานก็จะเป็นที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะศิลปกรรมศาสตร์ ถ้าถามว่าทำไมต้องจัดที่นั่น เพราะตัวผมเองก็จบจากที่นี้มาครับ ทรัพยากรต่างๆ ที่คณะเขามีพร้อมอยู่แล้ว แถมยังมีรุ่นน้องหลาย ๆ คน ก็พร้อมมาช่วยงานเราด้วยครับ” คุณรัฐยังเสริมอีกว่า “มีรุ่นพี่มาเสนอไอเดียว่าให้ลองเพนต์รูปเราสอง ซึ่งก็เพนต์กันสิบกว่าคน วันเดียวก็เสร็จไวมากครับ เป็นภาพที่ดีเลย คนที่มางานก็จะได้มีมุมถ่ายรูปด้วย” แล้วธีมวันงานละคะ? คุณรัฐได้บอกว่า “จะใส่อะไรก็ได้ครับ แต่อย่าลืมใส่ซอง” พร้อมเสียงหัวเราะเล็กน้อยของทั้งคู่บ่าวสาว
ขอขอบคุณภาพจาก ท้อป เฌอดิน แสงสุวรรณ facebook
แต่ทะว่าใกล้ถึงเวลางานฝนดันตก คุณมะลิเมได้บอกต่อว่า “ฝนตกหนักมาก ตกจริงจัง ตกกระหน่ำเลยค่ะ” คุณรัฐได้เล่าว่า “ตกแบบ เก็บไว้ตกวันอื่นบ้างก็ได้!” พร้อมเสียงขำเล็กน้อย “คือเราก็คิดไว้อยู่แล้วว่าถ้าฝนตกเราก็ได้เช่าเต็นท์มาอยู่แล้วครับ ใจจริงไม่อยากใช้ก็ต้องได้ใช้ ผมก็แอบเซ็งมากเหมือนกันนะ แต่คุณเมย์เขาได้บอกผมว่า อย่าไปเซ็ง อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้” ในส่วนพิธีการที่ขอนแก่น “จะเป็นการผูกข้อไม้ ข้อมือ แล้วคุณพ่อและคุณแม่ก็จะอวยพรครับ”
บ่าวสาวกลับก่อนแขก? คุณรัฐบอกว่า “เที่ยงคืนเราต้องกลับแล้วแหละครับ เพราะมันก็เลยป้ายเราแล้ว อีกอย่างต้องเตรียมตัวพักผ่อนเพราะมีงานที่กรุงเทพ ฯ ต่อด้วย แต่ว่าคนในงานก็อยู่ถึงตีสองตีสามเลยครับ”
สถานที่จัดงานในกรุงเทพฯ ?
คุณรัฐได้เล่าว่า “เราจัดงานเลี้ยงฉลองสมรสที่ โพธาลัย ครับ เพราะว่าเราเห็นงานแต่งของพี่หนึ่ง ect. จัดที่นี้ แล้วรู้สึกว่าสวยมาก และที่สำคัญก็ใกล้บ้านด้วย มีคนเสนอมาหลายที่ แต่คุณเมย์บอกขอใกล้บ้านครับ” “จำนวนแขกก็จะอยู่ประมาณ 500 – 600 คน มากกว่าขอนแก่นหน่อยนึงครับ” และคุณรัฐก็บอกต่อว่า “เราเป็น Organize กันเองทุกงานเลยครับ ผมเดินเช็กทุกอย่างเลย แสง ไฟ เสียง วิสชวล เช็กหมดเลยครับ”
คุณมะลิเมเสริมว่า “ถึงเวลาที่เจ้าบ่าวต้องแต่งหน้าแล้วยังไม่เห็นเจ้าบ่าว เขายังเช็กแสง สี เสียงอยู่เลยค่ะ” คุณมะลิเมเล่าปนขำนิดๆ คุณรัฐเล่าต่อว่า “งานแต่งเรา เราต้องทำเอง เห็นแล้วสบายใจกว่า เพราะสุดท้ายก็เป็นไปอย่างที่เราคิดไว้ งานที่กรุงเทพ ฯ เนี่ย งานฉลอง 95% พิธีการ 5%” ที่มีพิธีการ 5% ก็เพราะอยากให้มีผู้ใหญ่ที่เราอยากฟังเขาพูดอวยพรและขึ้นไปในเวลาที่เหมาะสมเท่านั้นเอง
และก็จะมีช่วง After partyในเวลากลางดึกบ่าวสาวก็จัดเต็ม ทั้งคู่เปลี่ยนชุดให้สวยเท่ตามสไตล์ของคุณรัฐและคุณมะลิเม บอกเลยว่าเป็นงานแต่งเหมือนกึ่งดูคอนเสิร์ตรวมศิลปินเลยล่ะค่ะ แขกแต่ละคนก็ร้องเพลงจัดเต็มกันมาก เพราะศิลปิน นักร้อง ไปงานนี้เยอะมาก ๆ เลยค่ะ
ธีมงานแต่งงานเป็นแนวไหน ?
คุณรัฐบอกว่า “ธีมงานดักไว้หมดทุกทางแล้วครับ หมายความว่าชอบแบบไหน อาหารแบบไหน มีค็อกเทลนะ มีมุมเลี้ยงเด็กด้วยนะ มีครบหมดครับ เพราะแขกฝั่งนักดนตรีก็จะได้มาเล่นดนตรีมาแจมกัน ฝั่งคุณเมย์ก็จะได้เห็นคอนเสิร์ต มาดูคอนเสิร์ตร่วมสนุกภายในงานกันครับ” “ส่วนธีมงานก็เหมือนว่าผมจะเขียนไว้ว่าแต่งตัวสีอะไรก็ได้ แต่อย่าใส่สีขาว เพราะเจ้าบ่าวเจ้าสาวจะใส่ รู้มารยาทด้วย” คุณรัฐเล่าปนขำนิดๆ
พูดคุยปรึกษากับทางพ่อแม่ยังไง?
คุณมะลิเมบอกว่า “ที่บ้านก็ง่าย ๆ เลยค่ะ ไม่มีปัญหาอะไรเลยที่เราจะจัดงานแต่งแบบนี้” ฝั่งคุณรัฐก็เสริมต่อว่า “ที่บ้านผมก็จะมีปัญหานิดหน่อยครับ แต่ว่าก็นั่งคุยปรึกษากันยกใหญ่อยู่พอสมควร ผมก็ถามตรงๆเลยว่า ประธานในพิธีมีไว้ทำอะไร จริง ๆ แล้วคำอวยพรที่สิริมงคลเราอยากได้จากพ่อแม่มากกว่า ไม่ได้อยากได้จากใครก็ไม่รู้ คนที่เราอยากฟังคือคนที่เราเคราพนับถือจริง ๆ อธิบายพูดคุยประมาณนี้ครับ”
การเลือกแหวนแต่งงาน?
คุณมะลิเมเล่าว่า “จริง ๆ แล้วเริ่มจาก ตัวเราเองไม่อยากไปซื้อที่ร้าน เราอยากสั่งทำเองมากกว่า โดยแหวนก็จะมาจากร้าน เพรชพิริสา หรือคุณโจ้ ค่ะ ร้านเขาจะไม่มีหน้าร้านนะคะ แต่จะเป็นร้านที่เราสามารถบอกสเปคที่อยากได้ ควรทำออกมาเป็นประมาณไหนแบบนี้ค่ะ ใช้เวลาทำเพรชไม่นานเลยค่ะ แต่อาจจะนานช่วงเวลาหาเพรชเล็กน้อยค่ะ”
ไอเดียการ์ดแต่งงานของทั้งคู่?
คุณรัฐได้เล่าว่า “การ์ดแต่งงานก็ทำที่ manita wedding เนี่ยแหละครับ ก็มีความมินิมอลมาก อยากให้คนเห็นตัวเลขชัด ๆ ชื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวชัด ๆ ก็พอแล้ว เอาว่าใส่เท่าที่จำเป็นก็พอครับ” แล้วทั้งคู่ก็เลือกทำ mobile wedding card กับทางมานิตาด้วย เรียกได้ว่าเป็นการ์ดแต่งงานที่มินิมอง มินิใจ ทันสมัยมากๆค่ะ
ชุดแต่งงาน?
คุณรัฐบอกว่า “เรามี Stylist ที่ทำให้วง Tattoo Colour อยู่แล้วครับ เรารู้ถึงฝีมือน้องเขาอยู่แล้วว่ายอดเยี่ยมขนาดไหน ปรับเปลี่ยนแก้ไขชุดจนกว่าจะได้ แต่ก็ตัดแก้แค่ครั้งสองครั้งเองครับ ก็ได้ชุดแต่งงานที่คอมพลีทของเราทั้งสองคนแล้ว สวยถูกใจมาก ๆ เลยครับ”
ถ่ายพรีเวดดิ้ง
คอนเซ็ปต์การถ่ายพรีเวดดิ้งคุณรัฐบอกว่า “อย่างแรกเราไม่อยากถ่ายในสตูดิโอ และไม่อยากได้ตากล้องที่ขอท่าทาง บอกว่าขอหวานๆ ประมาณนี้ครับ ไม่ได้ว่านะครับ แต่เราสองคนไม่ถนัดจริงๆ และตากล้องที่ถ่ายให้ก็จะเป็นตากล้องประจำวงอยู่แล้วครับ เพราะว่าการพรีเวดดิ้งถ่ายก่อนนานไม่ได้ จะแต่งงานเดือนนี้ ควรถ่ายก่อนกี่อาทิตย์ เราก็เลยมีเวลาจำกัดในการถ่าย จึงจัดการถ่ายพรีเวดดิ้งที่บ้านเลยครับ แต่ก็จะมีความยากอยู่คือ เพราะเป็นบ้านจริงๆ แต่เราจะถ่ายยังไงไม่ให้ดูปลอมเท่านั้นเองครับ”
วันงานแต่งงานรู้สึกยังไง?
ขอย้อนกลับมาวันจัดงานแต่งสักนิดหนึ่งนะคะ พอถึงวันงานจริงๆรู้สึกยังไงบ้างกับทุกอย่างที่เราเตรียมมาทั้งหมด คุณรัฐได้เล่าว่า “ก็มีคิดนิดหน่อยครับว่าแขกในงานจะสนุกไหมเป็นอย่างแรก จะมีอะไรข้อผิดพลาดไหม” คุณมะลิเมได้บอกต่อว่า “เมย์เองก็เพิ่งเคยเห็นงานของเราครั้งแรก และเจ้าบ่าวของเราเป็นฝ่ายเครียดกับการจัดงานกังวลว่าจะพร้อมไหม ของครบไหม ส่วนมากก็จะเป็นเจ้าสาวเป็นฝ่ายกังวล แต่สำหรับเมย์คือชิลมากเลยค่ะ เพราะเจ้าบ่าวเครียดแทนเราไปแล้ว” คุณรัฐเสริมมาอย่างรวดเร็วว่า “เจ้าบ่าวที่ดีต้องทำยังไงให้เดินตามรอยผมไว้นะครับ” เล่นเอาขำทั้งห้องส่ง
ของชำร่วย?
คุณรัฐบอกว่า “ผมคิดนานมากครับว่าจะเอายังไงดีจะไม่มีก็ไม่ได้ เผอิญว่าเราเป็นนักกีต้าร์เวลาเราเล่นดนตรีคนชอบมาขอปิ๊ก ก็เลยรู้สึกว่างั้นเราทำปิ๊กกีต้าร์เป็นของชำร่วยดีกว่าครับ แล้วก็ทำมาสองลายแขกก็จะหยิบไปได้เลย”
คุณมะลิเมเสริมต่ออีกว่า “จะทำยังไงดีที่ทำให้ของชำร่วยเราไม่เป็นภาระในการเก็บของชำร่วยของแขกในงาน เพราะแขกบางคนอาจจะลืมไว้ที่โต๊ะแล้วกลับบ้านไปเลย ดังนั้นปิ๊กเนี่ยล่ะค่ะเลยเป็นของชำร่วยดีที่สุด”
ขอขอบคุณภาพจาก tattoo colour tv
อยากแนะนำอะไรให้กับว่าที่คู่บ่าวสาวที่กำลังเตรียมงาน?
คุณรัฐและคุณมะลิเมกล่าวว่า “สำหรับคู่บ่าวสาวที่กำลังจะเตรียมงาน อย่างแรกเลยเราอย่าทะเลาะกันเองก่อน ต้องเคลียร์กันให้จบแต่แรก ทุกอย่างสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาเราสามารถยืดหยุ่นปัญหานั้นได้ ก็ต้องคุยกันครับ อะไรที่เราชอบก็ทำให้มันสุด อะไรที่เราไม่ชอบก็ตัดมันทิ้งไป มองเป็นจุดๆแบบนี้ไปครับ”
ฝั่งคุณมะลิเมก็ฝากไว้สองเรื่องด้วยกัน “เรื่องแรกถ้าเป็นเรื่องของการจัดงาน เมย์ได้ข้อคิดจากพี่ทำงานนะคะ เพราะเขาก็รู้ว่าเราเครียด เขาเลยถามเราว่า เราประทับใจอะไรในงานแต่งครั้งล่าสุด เราก็ตอบไปว่าเราประทับใจอะไรบ้าง แล้วในงานเขามีข้อผิดพลาดอะไรบ้าง ตัวเมย์เองก็คิดไม่ออกว่ามีอะไรผิดพลาดบ้าง คิดออกแต่ความประทับใจ พี่เขาเลยบอกเห็นไหมมันเป็นจุดเล็กๆเอง เพราะฉะนั้นถ้ามันจะมีข้อผิดพลาดบ้างจะเป็นอะไรไป มันเป็นจุดที่ไม่ใครสนใจเท่านั้นเอง อีกหนึ่งเรื่องสำคัญก็คือช่างแต่งหน้าค่ะ เราควรเลือกช่างแต่งหน้าที่รู้เราชอบแบบไหน แนวไหน และสามารถพูดคุยกันได้เพื่อผลลัพธ์ที่ออกมาดีที่สุด ช่างแต่งหน้าค่อนข้างสำคัญเลยค่ะ